Categories
ส่งถึงบ้าน

“บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp” คาเฟ่คลาสสิกกึ่งมัลดีฟส์กาฬสินธุ์

อยู่กาฬสินธุ์…ฟังจากชื่อแล้วดูคล้ายจะค่อนข้างไกลและบรรยากาศก็คงยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตชาวอีสานที่เห็นได้อย่างชัดเจน นี่คือความคิดของใครหลาย ๆ คน แต่ความจริงแล้วเผื่อใครไม่รู้ว่ากาฬสินธุ์เป็นจังหวัดใหญ่อีกแห่งที่นอกจากจะมีความเจริญและรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมได้เป็นอย่างดีแล้ว เดี๋ยวนี้จังหวัดกาฬสินธุ์ก็เริ่มมีการประยุกต์ทางสถาปัตยกรรมและแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่มีความเข้ากันกับยุคสมัยมากขึ้นแต่ก็ผสมผสานกับความเป็นดั้งเดิมอยู่จึงมีแลนด์มาร์กที่ลงตัวในหลาย ๆ ที่ แม้แต่ “บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp” ที่เราจะนำมาแนะนำให้คุณรู้จักกันในวันนี้ก็ยังเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกาฬสินธุ์ที่ผู้คนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก เพราะมีความเข้ากันของสองวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดีจนเราไม่อยากให้คุณพลาดหากมีโอกาสมาจังหวัดนี้

ทำความรู้จักกับ “บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp”

“บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีการออกแบบในลักษณะกลุ่มบ้านไม้คลาสสิกแบบอีสานดั้งเดิมกลางน้ำที่มีการเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้โค้งสวยและหลังคาบ้านจากหญ้าแฝกที่มีความโค้งคล้ายกับอยู่มัลดีฟส์เพื่อใช้เป็นสถานที่พักของเยาวชนจิตอาสา ทำกิจกรรมเข้าค่ายภาษาอังกฤษเพื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียน และเป็นคาเฟ่ที่พักผ่อนของคนที่มาเที่ยวโดยก่อตั้งขึ้นจากการสนับสนุนของมูลนิธิเปรมปรีดีเพื่อเยาวชนและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์ จนได้ฉายาว่า “มัลดีฟส์แห่งเมืองกาฬสินธุ์”ซึ่งโด่งดังมาก

บรรยากาศของ “บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp”

“บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp” ทางเข้าจะค่อนข้างเล็ก อยู่ไกลจากแหล่งชุมชนจนคุณอาจคิดว่าเรามาผิดทางหรือเปล่าแต่ที่จริงคุณมาถูกทางแล้วเพราะคาเฟ่นี้ต้องการอยู่กับความเงียบสงบเป็นหลัก ต้องใช้ความระมัดระวังหน่อยในการขับรถหน่อยเพราะอาจมีรถสวนกัน แต่ก็คุ้มค่าเมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางที่มีการตกแต่งกลุ่มบ้านกลางน้ำท่ามกลางสภาพแวดล้อมสีเขียวของทุ่งนาและไร่สวนซึ่งจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวที่สำคัญก็คือ สะพานไม้ที่ทอดตัวโค้งยาวสวยงามกลางน้ำและเรือที่จอดเทียบท่าบริเวณคาเฟ่ ซึ่งภายในคาเฟ่ก็จะเป็นคาเฟ่ที่ด้านบนเป็นไม้และพื้นเป็นปูนผสมผสานกันออกโทนน้ำตาลเรียบง่ายคล้ายร้านกาแฟในหมู่บ้านชุมชนของชาวอีสานยุคปัจจุบันที่ยังให้อารมณ์เก่าแก่เหมือนอยู่มานานหลายสิบปี โดยมีการตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ขนาดเล็กเท่านั้น แต่ให้ความรู้สึกที่ร่มรื่นมาก และนอกจากนี้ยังมีที่นั่ง Outdoor ริมระเบียงหรือที่นั่งชิงช้า ที่นั่งรังนกแบบโมเดิร์นที่คุณสามารถชมสะพานไม้และเรือได้อย่างชิลล์ ๆ อีกด้วย

เมนูเด็ดของ “บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp”

“บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp” มีเมนูเด็ดที่คุณควรจะได้มาลอง คือ เอสเปรสโซ่และอัญชันน้ำผึ้งมะนาวซึ่งราคาก็ไม่แพง นอกนั้นก็เป็นของหวานพื้นบ้านที่สามารถกินดื่มได้อย่างชิลล์ ๆ แต่เวลานี้คาเฟ่ยังไม่มีบริการอาหาร หากคิดจะอยู่นานถึงเที่ยงควรหาอะไรรองท้องมาก่อน

นานาชาติ Coffee & English Camp

ที่ตั้ง : Toong Sawang ตำบลลำพาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 46000

# Coffee & English Camp #เดลิเวอรี่ #ร้านดังต้องลอง

Categories
เดลิเวอรี่

มาตากอากาศชานกรุงฟังเพลงชิลล์ ณ Chale’t Café 

ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว! พวกคุณมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหรือยังคะ ถ้ายังไม่มีเราอยากจะมาแนะนำคาเฟ่ร้านอาหารสุดสุนทรีย์ที่อยู่ย่านชานเมืองกรุงเทพมหานครอย่าง “Chale’t Café” คาเฟ่นี้เหมาะกับการมาเยือนในฤดูหนาวมาก เพราะมีลักษณะเป็นบ้านพักตากอากาศที่จะให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งฟังดนตรีและรับประทานอาหารกันเป็นครอบครัวอยู่ตามรีสอร์ตแถวแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่และบริเวณเขาใหญ่ด้วยโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฉลองไกล แถมยังต้องหาที่พักจองข้ามเดือนกันด้วย เพราะช่วงฤดูหนาวหากไม่เตรียมเต็นท์ไปกางเองแล้วล่ะก็บอกเลยว่าหากที่พักยากมาก สู้มาเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสหรือส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันที่ “Chale’t Café”กับเราที่เรารักในกรุงเทพมหานครกันดีกว่า เห็นคนดูเยอะแบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่าช่วงปีใหม่ที่มีแต่คนสนใจจะเดินทางไกลไปเที่ยวที่อื่นกัน คาเฟ่นี้จะกลายเป็นสถานที่เฉลิมฉลองสุดประทับใจที่มีความวุ่นวายน้อยที่สุดสำหรับคุณอย่างแน่นอน

ทำความรู้จักกับ Chale’t Café”

“Chale’t Café” เป็นคาเฟ่แนวบ้านพักตากอากาศยุโรปขนาดใหญ่บนพื้นที่สวนป่าที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงแบบซอฟต์ ๆ ตามเทศกาลสุดชิลล์ในสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ราวกับได้มานั่งอยู่ร้านอาหารและรีสอร์ตสุดหรูหราในหุบเขาที่เย็นสบายจบแบบที่นี่ที่เดียวโดยไม่ต้องเดินทางไปพักผ่อนที่ไหนไกลเลย ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาวท้ายปี Chale’t Café จะสร้างความประทับใจให้การดินเนอร์ของคุณในวันที่แสนธรรมดากลายเป็นมื้อพิเศษที่คุณกับคนที่คุณรักจะได้มีความสุขผ่านเสียงดนตรีคลอไพเราะและลมเย็น ๆ ที่ทำให้ได้ยินเสียงความมีชีวิตของใบไม้ใบหญ้าแน่นอน รับประทานอาหารเสร็จก็สามารถเดินทางกลับบ้านในใจกลางกรุงโดยสวัสดิภาพได้อย่างสะดวกสบาย อยู่ติดริมถนนบรมราชชนนี ย่านพุทธมณฑลสาย 3 แค่นี้เอง รถไม่เยอะ ไม่ต้องกลัวมลพิษและไม่ต้องกลัวความวุ่นวายเลย

บรรยากาศของ “Chale’t Café”

“Chale’t Café” ตัวร้านถูกออกแบบมาให้เป็นบ้านแนวอิงลิชคันทรี่สไตล์บ้านพักตากอากาศที่ทำจากไม้ให้ความกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ใจกลางสวนของร้านที่เป็นแลนด์มาร์กเด่นประดับประดาด้วยไฟห้อยระย้าสีส้มยามเย็นตามกิ่งก้านที่แผ่สาขาแขนงออกกว้างจนปกคลุมทั่วทุกทิศของตัวร้านให้เหมือนอยู่ในสวนป่าขนาดย่อมเลย โดย Chale’t Café จะแบ่งออกด้วยกัน 2 โซน ได้แก่ โซนห้องปรับอากาศภายในและโซน Outdoor ที่มีบริการโต๊ะนั่งกระจายหลากหลายมุมรับลูกค้าได้จำนวนมากทั้งบนระเบียงบ้านและบริเวณสนามหญ้า ซึ่งมีเตาปิ้งย่างบาร์บีคิวให้ทำกิจกรรมตามความสะดวกและมีมุมถ่ายรูปแบบยุโรปคันทรี่ เช่น เตียงนอนบนกองฟาง มุมกีต้าร์ท่ามกลางดอกหญ้า เป็นต้น คุณจะได้รับประทานอาหารพร้อมกับฟังดนตรีตะวันตกที่จะทำให้รู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่ในชนบทของยุโรปมากอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสย่านกรุงเทพมหานครมาก่อน

เมนูเด็ดของ Chale’t Café”

“Chale’t Café” จะเน้นเมนูอาหารไปทางอาหารยุโรปซึ่งมีของอร่อยมากมายไม่ว่าจะเป็น BBQ set, ซี่โครงหมูอบภูเขาไฟ, Fettuccine Creamy Pesto, Spaghetti Keemao Seafood, Fettuccine Carbonara Pancestta และเครื่องดื่มอเมริกาโน่หอม ๆ , ชาเขียวมัทฉะแท้ รวมถึง Strawberry Lychee Smoothies สุดสดชื่นรับลมหนาวได้ดี

Chale’t Café

ที่ตั้ง : 751 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170

เครดิตภาพ : chicmomandfabfamily.com/, ecommirst.com

#Chale’t Café #ร้านดังต้องลอง #คาเฟ่น่านั่ง

Categories
ส่งถึงบ้าน

แนะนำคาเฟ่ขึ้นชื่อ เพชรบูรณ์

สวัสดีค่ะนักท่องเที่ยวทุกคน กลับมาพบกันอีกแล้วในวันนี้ทางเราก็มีคาเฟ่ที่ขึ้นชื่อในเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางตอนบนของประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งเชิงธรรมชาติ แลวัฒนธรรม รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนเมืองก็ยังคงความเรียบง่ายมีเสน่ห์ และนอกจากพวกสาถนที่ท่องเที่ยวแล้ว เพชรบูรณ์ก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของคาเฟ่อีกด้วยนะ ซึ่งในวันนี้เราก็ได้คัดสรรคาเฟ่มาให้ทุกคนถึง 3 คาเฟ่ด้วยกัน จะมีที่ไหนกันบ้าง ตามไปดูกันเลย

ตั๊กม้อ คอฟฟี่ เขาค้อ Takmoh Coffee KhaoKho

มาเริ่มกันเลยกับคาเฟ่แห่งแรกของวันนี้นั้นก็คือตั๊กม้อ คอฟฟี่ เขาค้อ เป็นคาเฟ่ที่ใครหลายๆคนเรียกว่าโรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า เพราะที่นี่เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มีการตกแต่งสไตล์จีนให้อารมณ์เหมือนอยู่โรงน้ำชาในหนังจีนนั้นเอง ในส่วนของที่นั่งเราก็สามารถเลือกนั่งได้ทั้งโซนห้องแอร์หรือว่าจะเป็นโซนเอ้าท์ดอร์ ซึ่งมุมที่ได้รับความนิยมคือโต๊ะบาร์ เพราะมุมนี้เราจะได้สูดอากาศและมองเห็นวิวเขา วิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วได้แบบ 180 องศาเลย

ตั้งอยู่ที่ : ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ เพชรบูรณ์ 

180 ออล เดย์ ออล ซีซั่น 180° All Day All Season

เรามาต่อกันเลยกับคาเฟ่ต่อมานั้นก็คือ180 ออล เดย์ ออล ซีซั่น เป็นคาเฟ่สวยๆที่มาในสไตล์โมเดิร์นเน้นการตกแต่งด้วยไม้และเหล็ก มีโซนที่นั่งให้เลือกทั้งอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ แนะนำใครอยากสัมผัสกับธรรมชาติให้เลือกนั่งที่โซนเอ้าท์ดอร์เลยค่ะ เพราะโซนนี้เราจะได้ชมวิวทิวเขาแบบ 360 องศากันไปเลย วิวสวยแล้วก็อย่าลืมสั่งกาแฟหอมๆมาทานคู่กับขนมของทางร้านรับรองฟินค่ะ 

เดอะบาร์น ช็อกโกแลต ชีส บาร์ แอนด์ กริล

เดินทางมาถึงคาเฟ่สุดท้ายของวันนี้กันแล้วนั้นก็คือเดอะบาร์น ช็อกโกแลต ชีส บาร์ แอนด์ กริล เป็นคาเฟ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของที่พัก อะ โมเมนต์ ออฟ เลิฟ ตั้งอยู่บนเขาค้อติดกับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จุดเด่นของที่นี่ก็คือมีวิวเขาที่สวยงาม แถมยังติดกับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ตัวร้านมาในสไตล์ยุโรปคล้ายกับโรงนา ที่มีความโมเดิร์นอยู่ด้วย ใครอยากมาจิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติก็ลองมาเยือนที่นี่ดูนะคะ 
ตั้งอยู่ที่ : ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ เพชรบูรณ์ 


เป็นยังไงกันบ้างคะ กับคาเฟ่ในเพชรบูรณ์ ที่เราคัดสรรมาให้ทุกคน น่าไปทั้งนั้นเลยใช่ไหม หวังว่าหากทุกคนได้ไปเยือนเพชรบูรณ์ คงจะชอบกันนะคะ

#เพชรบุรีคาเฟ่ #ร้านเด็ดต้องลอง #รีวิวคาเฟ่

Categories
เดลิเวอรี่

Honmono SuShi Japanese Restaurant

ร้านนี้บอกเลยว่า สาวๆคนไหนที่ชอบทานซูชิต้องไปลองเลยค่า เพราะเนื้อปลาสดใหม่ทุกชิ้น ซูชิปั้นใหม่ทุกวัน แถมยังเป็นร้านของเชฟกระทะเหล็กที่ช่ำชองในการใช้มีดแล่เนื้อปลาได้อย่างสวยงาม นั่นก็คือ เชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ นั่นเอง โดยแต่ละเมนูเชฟได้คัดสรรค์วัตถุดิบเป็นอย่างดี ยังมีเมนูมากมายให้เลือก อีกทั้งยังสั่งไลน์แมนให้มาส่งได้อีก แถมมีหลายสาขาอีกด้วยนะ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลาด Honmono SuShi ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เปิดให้บริการอีกทั้งสร้างความประทับใจผ่านมื้ออาหารให้กับชาวกรุงฯมานานกว่า 8 ปี โดยมีหัวหอกสำคัญอย่างเชฟกระทะเหล็กบุญธรรมและเชฟบัณฑูรกูรูอาหารญี่ปุ่นที่มาคอยสร้างสรรค์เมนูรวมถึงควบคุมคุณภาพวัตถุดิบกันแบบจานต่อจาน

สถานที่ตั้งร้าน Honmono SuShi  เดินทางสะดวกซอยทองหล่อ 23 คือที่ตั้งของ Honmono SuShi สาขาแรก ก่อนจะขยับขยายกระจายความอร่อยในอีก 6 สาขาต่อมาเพื่อให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยกันตามสะดวกมากขึ้น อีกอย่างที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของอาหารญี่ปุ่นก็คือความสดใหม่ของวัตถุดิบ ซึ่งที่นี่นำเข้าปลาเองทั้งยังเป็นตัวกลางส่งให้เจ้าอื่นๆ ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าทุกวัตถุดิบที่ถูกปรุงออกมาเป็นเมนูล้วนผ่านการคัดแล้วคัดอีกจนกว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าคนสำคัญท่าๆ ที่คิจิสำรวจรายการอาหารของที่ร้านพบว่านอกจากซูชิหน้าต่างๆ ที่เป็นตัวชูโรง เมนูอื่นๆ ของเขาก็น่าสนใจจนทำให้ใครหลายๆ คนอาจลังเลได้ในหลายๆ จังหวะ ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น คิจิเลยขออาสานำเสนอ 5 เมนูซิกเนเจอร์ของ Honmono SuShi ที่บนโต๊ะถ้าขาดจานใดจานหนึ่งไปก็เหมือนขาดเธอเหมือนขาดใจเลยล่ะ

เมนูห้ามพลาด ของร้าน Honmono SuShiเริ่มจานแรกของร้าน Honmono SuShi  ด้วย Matsu Sushi เซ็ตซาชิมิที่ยกขบวนกันมาแต่ของอร่อยไม่ว่าจะเป็นปลาเนื้อขาวและเนื้อแดง ไล่ไปตั้งแต่คัมปาจิ, ฮิราเมะ, ฮามาจิ, แซลมอน, โอโทโร่, ทูน่า, อมาอิบิ (กุ้งหวาน) และโฮตาเตะ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสดถูกใจเชฟยังแล่มาชิ้นใหญ่ให้เราได้ฟินกันแบบเต็มๆ คำ ถัดมาที่อีกเมนูคือ Honmono Salad มิกซ์สลัดที่มีทั้งผักกาดแก้ว, เรดโอ๊ค, กรีนโอ๊ค, พริกหวาน ไปจนถึงมะเขือเทศ ไม่พอเพราะท็อปมาด้วยกุ้งต้ม, ปลาหมึกยักษ์, หอยปีกนก, แซลมอน, ทูน่า, ฮามาจิ และอิคุระ ก่อนจะราดเดรสซิ่งสูตรเฉพาะที่มอบรสสัมผัสสดชื่นๆ ยามรับประทาน

เครดิตภาพ : .nackna.com

#ร้านอร่อย #เชฟโชว์ของ #รีวิวของกิน

Categories
โปรโมชั่น

แนะนำ ร้านอาหารเชฟดัง สไตล์ เชฟเทเบิล อร่อยทุกเมนูตามใจเชฟที่ต้องมาลอง

  หากเราพูดถึง ร้านอาหารสไตล์เชฟเทเบิล แน่นอนว่าในประเทศไทย ก็ถือว่ามีให้พบเจอ และ ให้มาลองชิมฝีมือกันเยอะ อยู่นับไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้ โดยในวันนี้ทางเรานั้นก็จะพาทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับ ร้านอาหารเชฟดัง สไตล์ เชฟเทเบิล ที่ขอบอกเลยว่าชีวิตนี้ ก่อนตายจะต้องมาลองดูสักครั้ง 

      และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปมากกว่านี้ล่ะก็ เราก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่า ร้านอาหารสไตล์เชฟเทเบิล ที่เรานำมารู้จักกันในวันนี้จะมีร้านไหนบ้าง ถ้าหากใครที่พร้อมแล้ว ก็ไปดูกันได้เลย

1. Chef Next Door

      มาเริ่มกันที่ร้านแรก กับ ร้านอาหารเชฟดัง สไตล์ เชฟเทเบิล ที่มีชื่อว่า Chef Next Door โดย้ร้านนี้ก็ถือว่า เป็นอีกร้านที่น่าสนใจ และ น่ามาลองทานสักครั้งในชีวิตมาก ๆ นั่นก็เพราะว่าร้านนี้ จะตั้งอยู่ที่ ย่านลาดพร้าว โดยเชฟเป็นอดีตเชฟจากร้านอาหารมิชลินสตาร์ มาเป็นผู้ปรุงเมนู แสยอร่อยที่ได้ทานแล้ว จะไม่มีวันลืมกันเลยทีเดียว โดยร้าน Chef Next Door ก็จะมีทั้งหมด  8 คอร์ส Course Private Dinner Tasting Menu ซึ่งจะอยู่ที่ราคา 1800บาทต่อขึ้น หรือ 1800ขึ้นไป แต่ขอบอกเลยว่าร้าน Chef Next Door ถือว่าเป็น ร้านอาหารสไตล์ เชฟเทเบิล ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างมาก  สำหรับใครที่อยากจะลอง มาหาประสบการณ์ ในการทานอาหาร และ เมนูใหม่ ๆ ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ทางเรานั้นก็ขอแนะนำเลย สำหรับ Chef Next Door ย่านลาดพร้าว

2. Food Hub Home 

      สำหรับร้านที่สองของ ร้านอาหารเชฟดัง สไตล์ เชฟเทเบิล ก็จะมีชื่อว่า Food Hub Home นั่นเอง โดยร้านนี้ก็จะเป็น ร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ลับย่านเจริญนคร ที่มีรสชาติและ เมนูที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ โดยจะเป็นร้านที่มีการเสิร์ฟ เมนูที่หลาย ๆ คนนั้นชื่นชอบ และ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ เนื้อวากิว และซีฟู้ด รวมถึงเมนูอื่น อีกมากมาย 

       โดยร้าน Food Hub Home ก็จะมีทั้งหมด  7 คอร์ส และ 9 คอร์ส โดยจะเปลี่ยนเมนู ไปตามซีซันนั่นเอง บอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบ เนื้อวากิว และซีฟู้ด ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านที่ไม่ควรมาก ๆ สำหรับ ร้านอาหารเชฟดัง สไตล์ เชฟเทเบิล ที่มีชื่อว่า Food Hub Home โดยร้านนั้นก็จะเป็นบ้านของเชฟนั่นเอง ใครที่อยากไปลองทานกับร้าน Food Hub Home ล่ะก็ ต้องจองเป็นเดือนกันเลยก็ว่าได้เลยทีเดียว สำหรับร้านนี้ 

เครดิตภาพ : pantip

#เชฟโชว์ของ #ร้านอร่อยต้องลอง #ร้านดัง

Categories
เดลิเวอรี่

แนะนำ แหล่งช้อป ชิม in เชียงใหม่

ไหนใครที่มีแพลนขึ้นเหนือไปรับลมหนาวที่เชียงใหม่บ้างงงงง ยกมือขึ้น เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่หลายๆคนคนอยากจะมาเที่ยวให้ได้สักครั้ง เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเหลือเกิน นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้ว แหล่งช้อปปิ้งที่นี่ก็ไม่แพ้ที่ไหนๆแน่นอนค่ะ วันนี้เลยเราจะมาแนะนำ แหล่งรวมทั้งของกิน ของใช้ ไปจนถึง ของฝาก กับตลาดสุดฮิตของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวมาฝากกันค่ะ

1.ตลาดวโรรส (กาดหลวง)

ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่เลยค่ะ และเป็นตลาดเก่าแก่มานานกว่าร้อยปี ไม่ว่าใครที่มาเที่ยวเชียงใหม่ ก็จะต้องแวะมาซื้อของฝากกันที่นี่ ที่นี่มีสินค้าต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะของฝากที่เป็นอาหารพื้นเมือง อย่าง ไส้อั่ว แหนม น้ำพริกหนุ่ม รวมไปถึงผัก ผลไม้แปรรูปต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมอาหารพื้นเมืองราคาถูกอีกด้วยนะคะ

พิกัด : ถนนวิชยานนท์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

2.One Nimman

เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีความโดดเด่นมากๆ ด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัยที่ผสมผสานเข้ากันกับแนวตะวันตก ภายในก็จะรวบรวมร้านอาหาร พื้นที่แสดงศิลปะ คาเฟ่ ร้านนั่งชิล และร้านแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ไว้อย่างครบครัน ที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวยๆเพียบ

พิกัด : ถนนนิมมานทร์เหมินทร์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เปิดให้เข้าชม : 10.00-22.00 น.

3.ถนนคนเดินท่าแพ

เป็นถนนคนเดินยุคแรกๆ และยังเป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่อีกด้วยค่ะ ร้านค้าและสินค้าที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายกันก็จะมีทั้งสินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ รวมถึงมีโชว์ดนตรี การแสดงเล็กๆ ว่ากันว่าใครที่มาเที่ยวเชียงใหม่ และไม่ได้ไปเดินถนนคนเดินท่าแพ ก็ถือว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่เลยนะคะ

พิกัด : ถนนราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เปิดให้เข้าชม : 17.00-22.00 น. (ทุกวันอาทิตย์) 

4.บ้านข้างวัด

เป็นแหล่งช้อปปิ้งสไตล์พื้นเมือง ที่ตั้งอยู่ในซอยวัดอุโมงค์ เจ้าของที่นี่ต้องการ สร้างชุมชนให้มีวิถีชีวิตขึ้นมา เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันเหมือนกับผู้คนในสมัยก่อน ร้านค้าของที่นี่ส่วนใหญ่จะเน้นขายของแฮนด์เมด ของตกแต่งบ้านต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม workshop สนุกๆ ในแต่ละเดือน ให้ได้ทำกันอีกด้วย

พิกัด : 191 ถนนบ้านร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

5.กาดหน้ามอ

เป็นแหล่งรวมสินค้าวัยรุ่นที่อยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีสินค้าขายทั้ง เสื้อผ้า กางเกง เครื่องประดับ แว่นตา นาฬิกา เครื่องสำอางค์ อุปกรณมือถือ กระเป๋า รองเท้า ซึ่งกาดแห่งนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่และกว้างมากค่ะ และแน่นอนว่าตั้งอยู่ใกล้มหาลัยแบบนี้ ก็เป็นที่นิยมของทั้งนักศึกษามช.และคนวัยทำงานในบริเวณนี้เลยค่ะ

พิกัด : ถนนห้วยแก้ว ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เปิดให้เข้าชม : 16.00-23.00 น.

เครดิตภาพ : When OR Where

#อร่อยเด็ด #เชียงใหม่ #แหล่งช้อป

Categories
ส่งถึงบ้าน

เปลี่ยนบรรยากาศมาชิมอาหารฝรั่งรสเลิศกันดีกว่า


ปัจจุบันในบ้านเรามีร้านอาหารเกิดขึ้นหลายประเภทหรือจะพูดได้ว่ามีอาหารนานาชาติให้ได้รับประทานกันเลยทีเดียว และอาหารฝรั่งก็เป็นอีกรายการอาหารหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานไม่ใช่น้อยเช่นกัน สำหรับใครที่กำลังอยากลองลิ้มชิมรสร้านอาหารฝรั่งที่มีรสชาติอร่อย อาหารน่ารับประทานบรรยากาศดีๆ วันนี้เรามีมาแนะนำกันค่ะ ถ้าสนใจตามมาดูกันต่อนะคะ

ร้านดีนแอนด์เดลูก้า (Dean & Deluca)

เป็นร้านอาหารฝรั่งที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง 5 ทุ่ม โดยร้านจะตั้งอยู่ระหว่างถนนสีลมและสาธร ถ้ามารถไฟฟ้าให้ลงสถานีช่องนนทรี และสำหรับที่นี่ในแต่ละเดือนจะมีเมนูอาหารพิเศษหมุนเวียนเปลี่ยนมาให้เราได้ทานกันโดยตลอด เมนูอาหารอร่อยที่อยากจะแนะนำของที่นี่ก็อย่างเช่น 

– Egg Benedict smoked salmon ที่ทำมาจากเนื้อปลาแซลมอนเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งที่คลุกเคล้ากับเครื่องเทศทำให้ได้รสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทย

– Bacon Egg Avocado Sandwich เป็นแซนวิชที่ทางร้านจะใช้เป็นขนมปังอบเสิร์ฟคู่กับไข่ดาวแบบไม่สุก พร้อมหน่อไม้ฝรั่ง เบคอน และอโวคาโด้ 

– Dean&Deluca Waffle รสชาติหวานหอมอร่อย เสิร์ฟพร้อมเบอรี่และราดซอส สำหรับแป้งที่ใช้จะเป็นของทางร้านเอง ถ้าสนใจเราสามารถขอซื้อแป้งแล้วนำกับไปทำทานที่บ้านกันได้อีกด้วย 

ร้าน ซิสเลอร์ Sizzler

สำหรับร้านนี้ก็เป็นร้านอาหารฝรั่งอีกร้านที่มาเปิดในบ้านเรานานพอสมควร และยังได้รับความนิยมจากคนไทยไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว สำหรับที่นี่จะมีอาหารฝรั่งอยู่หลายประเภทโดยเฉพาะ สเต็กที่จะเป็นสเต็กเนื้อนุ่มรสชาติอร่อย มีให้เลือกหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ทีโบนสเต็ก, สเต็กหมูพริกไทยดำ, สเต็กเนื้อสตริปลอยน์จานร้อน และสำหรับเมนูอาหารอื่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็อย่างเช่น ไก่ย่างสไปซี่, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว, ไก่ย่างเซาท์เวสต์  นอกจากนี้เมื่อคุณสั่งอาหารจานหลักยังสามารถเลือกตักสลัดที่มีให้เลือกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ผักผลไม้สดๆ ซุบรสอร่อยที่หมุนเวียนเปลี่ยนมาให้ได้ชิมรสชาติกันตลอดเดือน รวมไปถึงช็อคมูส และเยลลี่ จากเคาเตอร์สลัดบาร์กันได้แบบไม่อั้นอีกด้วย และที่สำคัญร้านซิสเลอร์ยังมีอยู่ด้วยกันหลายสาขาทำให้คุณสามารถเลือกรับประทานกันได้อย่างสะดวกสบาย แต่บางช่วงเวลาคนจะค่อนข้างเยอะถ้าไม่อยากรอนานอย่าลืมโทรไปสำรองที่นั่งกันก่อนด้วยนะคะ

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ คราวนี้ถ้าอยากทานอาหารฝรั่งรสชาติอร่อยก็อย่าลืมนึกถึงสองร้านนี้กันด้วยนะคะ รับรองได้เลยว่าเมื่อได้ลองลิ้มชิมรสกันแล้วคุณจะต้องติดใจและอยากหาเวลามารับประทานกันอีกอย่างแน่นอน ใครอยากชมรีวิวเพิ่มเติมของแต่ละร้านคลิกตามลิ้งค์กันได้เลยนะคะ 

เครดิตภาพ : blog.reviewthailand.net

#ร้านเด็ดสั่งเลย #ร้านอาหารฝรั่ง #ร้านดัง

Categories
ส่งถึงบ้าน

มารู้จักกับ Layer cake เค้กแห่งความฝันของเจ้าสาวในงานแต่งงาน

Layer cake หรือ cake หลายชั้น เป็นความฝันของคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อยากจะมีไว้ประดับในงานแต่งงาน โดยลักษณะของเค้กจะสูงเสียดฟ้า หรือบางครั้งอาจจะมาอยู่ในรูปทรงของเค้กที่สูงเพียงไม่กี่ชั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า layer cake นั้นมีขั้นตอน ความเป็นมาอย่างไรบ้าง

ความเป็นมาของ layer cake

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตำนานเรื่องเล่าว่าหากคู่รักใดสามารถโอบอุ้มและส่งต่อความรักของตนนั้นให้ล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ได้ ความรักของคู่รักนั้นก็จะมั่นคง ล่องลอย และเป็นนิรันดร์ ดังนั้นเมื่อชาวบ้านเกาะอังกฤษจะทำการแต่งงานก็จะนำขนมปังอบกรอบชิ้นเล็กๆ มาเรียงต่อกัน เพื่อให้ได้สูงที่สุด เพราะชาวบ้านนั้นเชื่อว่าการสร้างขนมปังกรอบให้สูงที่สุดเปรียบเสมือนการสร้างบันได ให้คู่บ่าวสาวนั้นเดินทางสู่สรวงสวรรค์นั่นเอง จนเมื่อ ค.ศ. 1660 มีพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเดินทางมาถึงอังกฤษ ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแต่งงานของชาวอังกฤษ แต่กลับกลายเป็นว่าขนมปังที่ชาวบ้านนำมาต่อกันนั้นล้มพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า ดังนั้นพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนนี้จึงได้คิดค้น “layer cake” ทดแทนขนมปังกรอบที่เรียงต่อกัน เพื่อทำให้ขนมในวันแต่งงานนั้นดูมีค่า น่ารับประทานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

วัตถุดิบและขั้นตอนการทำ layer cake 

เนื้อเค้กของ layer cake นั้นจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนนั่นคือ Butter cake และ sponge cake แต่วันนี้เราจะมาทำ layer cake โดยใช้เนื้อเค้กแบบ Butter cake ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้

ใน 1 ชั้นเค้กของ layer cake จะประกอบไปด้วย

1.แป้งเค้ก 323 ถ้วยตวง

2.เกลือ 1 ช้อนชา

3.ผงฟู 1 ช้อนชา 

4.น้ำตาลทรายขาว 400 กรัม

5.กลิ่นวนิลา 1 ช้อนโต๊ะ

6.บัตเตอร์มิลล์ 360 มิลลิลิตร

7.ไข่ 3 ฟอง และไข่ขาว 2 ฟอง

8. baking soda ¾ ช้อนชา

ส่วนประกอบ butter cream ของเนื้อเค้ก

1.นมข้นหวาน 250 มิลิลลิตร

2.เนยเค็ม 500 กรัม

วิธีการทำ ตัวเค้ก layer cake

1.ร่อนแป้งเค้ก เกลือ เบคกิ้งโซดา และผงฟูเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปพัก

2.นำไข่ไก่บัตเตอร์มิลล์ กลิ่วนิลา รวมทั้งแป้งที่ร่อนแล้ว ตีรวมกันด้วยความเร็วสูงสุดของเครื่องผสมโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที

3.ทาเนยตรงแป้นพิมพ์เค้ก จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ทั้งหมดเทใส่แป้นพิมพ์ โดยในส่วนของ layer cake นี้จะต้องมีขนาดแป้นพิมพ์แตกต่างกันไป โดยเนื้อเค้กชั้นล่างสุดควรจะเป็นแป้นพิมพ์ที่มีฐานขนาดใหญ่สุด ส่วนชั้นต่อๆ มาก็จะมีขนาดลดหลั่นกันไป

4.นำส่วนผสมของเค้กทั้งหมดไปอบที่เตาอบ ณ อุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 30 นาที

5.นำเนื้อเค้กที่ผ่านการอบเรียบร้อยมาเรียงต่อกัน โดยทาบัตเตอร์ครีมแทรกในแต่ละชั้น

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ layer cake ตามที่เราต้องการแล้ว ถ้าเพื่อนๆ ต้องการทำก็ลองได้เลยนะ ไม่ได้อยากอย่างที่คิดหรอก 555555

เครดิตภาพ : thelittleepicurean.com

#ร้านดังอร่อย #Layer cake #เค้กเจ้าสาว

Categories
ส่งถึงบ้าน

ร้านอาหารไทยต้นตำรับ ที่ไม่ควรพลาด

อาหารไทยเป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านเป็นเอกลักษณะเฉพาะตัว และนอกจากจะเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทยแล้วยังเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงและถูกปากชาวต่างชาติกันอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยหลายเมนูที่มีชื่อเสียงดังไปไกลยังต่างแดน และสำหรับใครที่ชื่นชอบในการชิมอาหารไทยวันนี้เรามีร้านอาหารไทยสูตรดั่งเดิมที่มีรสชาติเด็ดมาฝากกันค่ะ

ครัวสารสจัด 

แค่ฟังชื่อก็คงพอจะทราบกันแล้วนะคะว่าอาหารร้านนี้จะมีรสชาติจัดจ้านตามสูตรอาหารไทย และยังเป็นร้านที่เปิดมานานเกือบ 20 ปี กันอีกด้วย ภายในร้านตกแต่งโดยรอบด้วยวัตถุโบราณแบบไทยๆ สำหรับรายการอาหารที่เป็นเมนูเด็ดของที่นี่ก็อย่างเช่น ขนมจีนแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย, ยำถั่วพู, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ สำหรับขนมหวานของที่นี่ก็มีรสชาติอร่อยไม่แพ้กันโดยเฉพาะ ลูกตาลลอยแก้ว ใครมาร้านนี้ต้องห้ามพลาดกันเลยนะคะ มาถึงตรงนี้หลายคนคงอยากจะทราบที่ตั้งกันแล้ว ร้านนี้ตั้งอยู่เลขที่ 112/1 ซอย 44 ถ.วิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

ครัวกลางซอย 

เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดบริการมากว่า 30 ปี ตั้งอยู่กลางซอยสุขุมวิท 49 สำหรับสูตรอาหารของที่นี่จะได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพราะเป็นสูตรจากคุณยายที่ถ่ายทอดให้กับเจ้าของร้าน จึงจัดเป็นร้านอาหารไทยสูตรดั้งเดิมกันเลยทีเดียว ความอร่อยก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะมีลูกค้าสัญจรไปมาตลอดเวลา สำหรับเมนูเด็ดของที่นี่ก็จะได้แก่ ต้มกะทิสายบัว, ปลาดุกกรอบผัดเผ็ด ทานกับข้าวสวยร้อนๆ รับรองได้เลยว่าถูกปากคนไทยอย่างแน่นอน สำหรับเมนูของหวานก็ยังเป็นขนมแบบไทยๆ อย่างเช่น กระทงทอง และสละลอยแก้ว เป็นต้น 

ครัวชุมสาย ซอยราชครู

สำหรับร้านนี้จะเป็นร้านอาหารไทยที่เป็นสูตรต้นตำรับชาววัง ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ เปิดบริการมามากกว่า 27 ปี ภายในร้านออกแบบตกแต่งให้มีบรรยากาศแบบไทยโบราณและบรรเลงเพลงไทยเดิมเบาๆ กันตลอดทั้งวัน จึงเข้ากันได้ดีกับเมนูอาหารไทย สำหรับเมนูเด็ดของร้านนี้ที่เราอยากจะแนะนำจะก็อย่างเช่น ซี่โครงหมูอ่อนผัดเผ็ด, แกงคั่วหอยขม และ ปลากะพงทอดน้ำปลา สำหรับเมนูของหวานที่อร่อยไม่แพ้อาหารจานหลักกันเลยก็อย่างเช่น บัวลอยสามสี และไอศกรีมน้อยหน่า เป็นต้น
ร้านอาหารไทยที่มีรสชาติอร่อยและเป็นสูตรดั่งเดิมในบ้านเรายังมีอีกหลายร้าน แต่ทั้งสามร้านที่นำมาแนะนำกันในวันนี้รับรองได้เลยว่าจะต้องถูกปากผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยเป็นแน่ ใครชอบอาหารไทยต้องไม่พลาดไปชิมกันนะคะ แล้วคุณจะติดใจ และถ้าเพื่อนๆ อยากทราบว่ามีร้านอาหารไทยร้านไหนอร่อยอีกบ้าง

เครดิตภาพ : wongnai

#ร้านดังสั่งได้ #ร้านอาหารไทย #มุมอร่อย

Categories
ส่งถึงบ้าน

คาเฟ่(ไม่)ลับ ในกรม(ชลประทาน)

Eater ร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในกรมชลประทาน ร้านนี้ตั้งอยู่แถว ๆ แฟลตในกรมชลประทาน เป็นร้านเล็ก ๆ มีเคาน์เตอร์บาร์หน้าร้าน และยังมีห้องแอร์ไว้ให้เราสามารถนั่งทำงานได้ด้วย บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสวยงาม ดูมินิมอล ชิค ๆ สบาย ๆ ดูเป็นคนละโลกกับข้างนอกเลย ที่นี่มีเมนูกาแฟให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย รวมทั้งเมล็ดกาแฟแบบต่าง ๆ ให้เลือกในราคาที่ไม่สูงมาก กาแฟมี 3 ตัวหลัก ๆ คือ original, signature และspecialty 

เมล็ดกาแฟก็ใช้ของเจ้าดัง ๆ เช่น bottomless  รสชาติของกาแฟและราคาไม่สวนทางกัน ถือว่าไปด้วยกันได้ดี นั่นก็คือกาแฟรสชาติดี ราคาสมเหตุสมผล ไม่สูงไม่ต่ำจนเกินไป แอบได้ยินมาว่าครัวซองต์ของที่นี่ดีงามมาก ยังไงก็อยากให้ทุกคนลองไปกันดูนะคะ

Facebook : Eater ปากเกร็ด

พิกัด : กรมชลประทาน, ปากเกร็ด นนทบุรี

Tel :  081-4510100

เปิดให้บริการ : ทุกวัน 07.30 – 17.00 

Map :  https://goo.gl/maps/8JkVWjBNjCp5owGU6

ที่จอดรถ : บริเวณข้างถนนหน้าร้าน

เครดิตภาพ : img.wongnai.com , twitter.com

#คาเฟ่น่าลอง #ร้านดัง #รีวิวคาเฟ่